แนวทางการบูรณาการด้านอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยและโภชนบำบัดทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ

The potential integration of diet with Thai traditional medicine, as a nutritional therapy for dyslipidemia

Abstract

บทนำ ผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โภชนบำบัดทางการแพทย์มีประสิทธิผลดีในการดูแลผู้ป่วยภาวะนี้ ส่วนองค์ความรู้ด้านแพทย์แผนไทยมีศาสตร์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพที่ตกทอดมาจากอดีตเช่นกัน  วัตถุประสงค์ เพื่อทบทวนองค์ความรู้ แนวทางและประสิทธิผลของการบูรณาการโภชนบำบัดทางการแพทย์กับการรับประทานอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ   วิธีการศึกษา ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องโดยการสืบค้นจากหนังสือ เอกสารวิชาการและรายงานผลการวิจัยจากหลายแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แล้วเรียบเรียงข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของการให้โภชนบำบัดทางการแพทย์และอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยพร้อมวิเคราะห์แนวทางการบูรณาการการให้โภชนบำบัดทางการแพทย์และอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยต่อระดับไขมันในร่างกาย  ผลการศึกษา โภชนบำบัดทางการแพทย์มีประสิทธิผลต่อการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติทำให้มีภาวะไขมันที่ดีขึ้น ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เช่น พริก แตงกวา ซึ่งนิยม รับประทานในคนไทยพบว่ามีสารพฤษเคมีที่มีประโยชน์ต่อระดับไขมันในเลือดเช่นกัน บุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยและด้านการกำหนดอาหาร จึงควรมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อออกแบบวิธีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อทดสอบประสิทธิผลของอาหาร ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยในเมนูที่หลากหลายใหเหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่นและทดสอบในกลุ่มประชากรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในอนาคตเพื่อเป็นยืนยันถึงประสิทธิผลของการบูรณาการการใช้โภชนบำบัดทางการแพทย์ร่วมกับอาหารตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่มีต่อผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ  สรุป การบูรณาการทั้งสองศาสตร์เพื่อดูแลผู้ที่มีภาวะไขมันผิดปกติยังมีอย่างจำกัด เนื่องจากขาดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยและนักกำหนดอาหาร ทั้งที่ผักสมุนไพรของไทยมีกลไกที่มีประโยชน์ต่อไขมันในเลือด และในส่วนโภชนบำบัดทางการแพทย์มีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยมีระดับไขมันที่ดีขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นของการวิจัยในอนาคตที่นำองค์ความรู้ทั้ง 2 ศาสตร์มาบูรณาการในการศึกษาวิจัยร่วมกันเพื่อยืนยันประสิทธิผลและยกระดับบทบาททั้งแพทย์แผนไทยและนักกำหนดอาหาร  Introduction: A high prevalence of dyslipidemia has been reported to negatively affect a  patient’s quality of life. Medical nutrition therapy (MNT) is an effective tool to improve blood  lipid profiles amongst patients with dyslipidemia (PD). Moreover, Thai traditional medicine  includes knowledge about food, based on the belief that the consumption of food is for  overall health. Objective: This review article aims to examine literature on the effectiveness of MNT according to Thai traditional medical beliefs (FATTMB), specific to dyslipidemia, and the potential integration between these two research fields. Materials and Methods: The previous studies, review articles, research articles and books that are indexed in academic databases were reviewed to compose a body of knowledge on MNT and FATTMB, specific to human blood lipids. As well, an analysis on integrating MNT and FATTMB, to improve blood lipid profiles, was conducted.  Results: Although previous studies pointed out that MNT is effective for patients with dyslipidemia, and that the phytochemicals in FATTMB (such as peppers and cucumbers, which are commonly consumed by Thai people) have benefits to blood lipids, it is necessary that professionals in Thai traditional medicine exchange and share their knowledge with dietitians, to design and develop a FATTMB-based therapy. Both local and larger population groups should be investigated to prove the true effectiveness of integrating FATTMB and MNT for PD.  Conclusion: There is a lack of knowledge on the practical integration of FATTMB and MNT for PD. This may be caused by the lack of exchange amongst professionals in both Thai traditional medicine and the nutritional sciences, to determine the effectiveness of this intervention. Although many vegetables and herbs used in Thai menus have the mechanism to improve blood lipid levels (and MNT is proven to be beneficial to PD), further scientific study is suggested to investigate the effectiveness of the integration between these fields of knowledge.